ผลกระทบของ GMT ต่อธุรกิจข้ามชาติในไทย | ภาษีขั้นต่ำทั่วโลก
อัพเดทล่าสุด: 14 มี.ค. 2025
33 ผู้เข้าชม
ผลกระทบของ GMT ต่อธุรกิจข้ามชาติในไทย
1. ภาษีขั้นต่ำทั่วโลก (Global Minimum Tax - GMT) และการดำเนินการในประเทศไทย
มาตรการภาษีขั้นต่ำทั่วโลก (GMT) เป็นการปฏิรูปภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ริเริ่มโดยองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เพื่อแก้ไขปัญหาการโยกย้ายกำไรไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำ และลดการแข่งขันทางภาษีระหว่างประเทศ
2. การบังคับใช้ GMT ในประเทศไทย
ประเทศไทยจะเริ่มใช้มาตรการ GMT ตั้งแต่ต้นปี 2568 โดยกำหนดให้บริษัทข้ามชาติที่มีรายได้ต่อปีเกิน 750 ล้านยูโร (ประมาณ 28,000 ล้านบาท) ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลอย่างน้อย 15% ตามกรอบการดำเนินงาน BEPS (Base Erosion and Profit Shifting) ของ OECD
แม้อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของไทยอยู่ที่ 20% แต่บริษัทข้ามชาติจำนวนมากได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เช่น การยกเว้นภาษีหรือการลดหย่อนภาษี ส่งผลให้บางบริษัทจ่ายภาษีต่ำกว่า 15% และอาจต้องเสียภาษีเพิ่มเติมในประเทศแม่หรือตามกฎของประเทศอื่น
3. รูปแบบการจัดเก็บภาษีภายใต้ GMT
ประเทศไทยจะใช้ 2 แนวทางหลักของ OECD ได้แก่:
นอกจากนี้ ไทยกำลังพิจารณาการใช้ ภาษีขั้นต่ำภายในประเทศ (Qualified Domestic Minimum Top-Up Tax - QDMTT) เพื่อให้รัฐบาลไทยสามารถเก็บภาษีเพิ่มเองก่อนที่ประเทศอื่นจะเรียกเก็บ
4. ผลกระทบต่อการลงทุนจากต่างประเทศ
แม้ว่ามาตรการ GMT จะลดสิทธิประโยชน์ทางภาษีของบริษัทข้ามชาติ แต่ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจาก:
สถานะผู้เสียภาษี (Taxpayer Status)
การหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน (Deductions and Allowances)
คนต่างชาติสามารถหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนบางประเภทได้ เช่นเดียวกับคนไทย ตัวอย่างเช่น
ชาวต่างชาติที่ทำงานในไทยต้องยื่นแบบ ภงด.90 และ ภงด.91 ด้วย
คนต่างชาติที่มีรายได้ในประเทศไทยต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี (ภ.ง.ด. 90/91) กับกรมสรรพากรไทย โดยที่แบบแสดงรายการภาษีจะต้องยื่นภายในวันที่ 31 มี.ค. ของปีถัดไป สำหรับรายได้ที่ได้รับในปีภาษีที่ผ่านมา
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่ารัฐบาลไทยควรนำรายได้จากภาษีที่เพิ่มขึ้นไปใช้ในการพัฒนาทักษะแรงงานและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
1. ภาษีขั้นต่ำทั่วโลก (Global Minimum Tax - GMT) และการดำเนินการในประเทศไทย
มาตรการภาษีขั้นต่ำทั่วโลก (GMT) เป็นการปฏิรูปภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ริเริ่มโดยองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เพื่อแก้ไขปัญหาการโยกย้ายกำไรไปยังประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำ และลดการแข่งขันทางภาษีระหว่างประเทศ
2. การบังคับใช้ GMT ในประเทศไทย
ประเทศไทยจะเริ่มใช้มาตรการ GMT ตั้งแต่ต้นปี 2568 โดยกำหนดให้บริษัทข้ามชาติที่มีรายได้ต่อปีเกิน 750 ล้านยูโร (ประมาณ 28,000 ล้านบาท) ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลอย่างน้อย 15% ตามกรอบการดำเนินงาน BEPS (Base Erosion and Profit Shifting) ของ OECD
แม้อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลของไทยอยู่ที่ 20% แต่บริษัทข้ามชาติจำนวนมากได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เช่น การยกเว้นภาษีหรือการลดหย่อนภาษี ส่งผลให้บางบริษัทจ่ายภาษีต่ำกว่า 15% และอาจต้องเสียภาษีเพิ่มเติมในประเทศแม่หรือตามกฎของประเทศอื่น
3. รูปแบบการจัดเก็บภาษีภายใต้ GMT
ประเทศไทยจะใช้ 2 แนวทางหลักของ OECD ได้แก่:
- กฎการรวมรายได้ (Income Inclusion Rule - IIR): หากบริษัทข้ามชาติมีอัตราภาษีที่แท้จริงในไทยต่ำกว่า 15% ประเทศแม่ของบริษัทสามารถเรียกเก็บภาษีส่วนต่างได้
- กฎกำไรที่ถูกเก็บภาษีต่ำ (Undertaxed Profits Rule - UTPR): หากประเทศแม่ไม่เรียกเก็บภาษีส่วนต่าง ประเทศอื่น ๆ ที่บริษัทมีการดำเนินงานอยู่สามารถเรียกเก็บภาษีเพิ่มได้แทน
นอกจากนี้ ไทยกำลังพิจารณาการใช้ ภาษีขั้นต่ำภายในประเทศ (Qualified Domestic Minimum Top-Up Tax - QDMTT) เพื่อให้รัฐบาลไทยสามารถเก็บภาษีเพิ่มเองก่อนที่ประเทศอื่นจะเรียกเก็บ
4. ผลกระทบต่อการลงทุนจากต่างประเทศ
แม้ว่ามาตรการ GMT จะลดสิทธิประโยชน์ทางภาษีของบริษัทข้ามชาติ แต่ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจาก:
- ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- เป็นฐานการผลิตและส่งออกที่แข็งแกร่ง
- มีแรงงานที่มีทักษะและโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนา
สถานะผู้เสียภาษี (Taxpayer Status)
- ผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย (Resident) คนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเกิน 180 วันในปีภาษี จะถือว่าเป็น "ผู้มีถิ่นที่อยู่" และต้องเสียภาษีจากรายได้ทั้งหมดที่ได้รับทั้งในและนอกประเทศไทย
- ผู้ไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย (Non-resident) คนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยน้อยกว่า 180 วันในปีภาษี จะถือว่าเป็น "ผู้ไม่มีถิ่นที่อยู่" และต้องเสียภาษีเฉพาะรายได้ที่ได้รับจากแหล่งเงินได้ในประเทศไทยเท่านั้น
- หากอยู่ในประเทศไม่ถึง 180 วัน ก็ไม่ต้องเสียภาษีในประเทศไทย
การหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน (Deductions and Allowances)
คนต่างชาติสามารถหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนบางประเภทได้ เช่นเดียวกับคนไทย ตัวอย่างเช่น
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ลดหย่อนได้ 60,000 บาท/ปี
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส 60,000 บาท (ถ้าแต่งงานและคู่สมรสไม่มีรายได้)
- ค่าลดหย่อนบุตร 30,000 บาท/บุตรหนึ่งคน (สูงสุด 3 คน)
- ค่าลดหย่อนจากการลงทุน เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ และ ประกันชีวิต
- การยื่นแบบแสดงรายการภาษี (Tax Filing)
ชาวต่างชาติที่ทำงานในไทยต้องยื่นแบบ ภงด.90 และ ภงด.91 ด้วย
คนต่างชาติที่มีรายได้ในประเทศไทยต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี (ภ.ง.ด. 90/91) กับกรมสรรพากรไทย โดยที่แบบแสดงรายการภาษีจะต้องยื่นภายในวันที่ 31 มี.ค. ของปีถัดไป สำหรับรายได้ที่ได้รับในปีภาษีที่ผ่านมา
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่ารัฐบาลไทยควรนำรายได้จากภาษีที่เพิ่มขึ้นไปใช้ในการพัฒนาทักษะแรงงานและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
บทความที่เกี่ยวข้อง
การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชาวต่างชาติในประเทศไทย เนื่องจากช่วยคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
10 มี.ค. 2025
การมีประกันสัตว์เลี้ยงจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยให้คุณดูแลเพื่อนรักสี่ขาได้อย่างเต็มที่
10 มี.ค. 2025
ไม่ว่าจะเดินทางเพื่อท่องเที่ยวหรือธุรกิจ ประกันการเดินทางเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยคุ้มครองคุณจากอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
5 มี.ค. 2025